top of page

Keto Diet น้ำหนักลดได้แม้กินไขมันสูงจริงหรือ

  • รูปภาพนักเขียน: แคลอรี่ ไดอารี่
    แคลอรี่ ไดอารี่
  • 8 ก.ค. 2563
  • ยาว 1 นาที

อัปเดตเมื่อ 4 ส.ค. 2563

แต่ไหนแต่ไรเรามักเข้าใจกันว่า การกินอาหารไขมันสูงมากๆ จะทำให้อ้วนได้ แต่หลักการกินที่กำลังได้รับความสนใจในขณะนี้ อย่าง Keto Diet หรือ Ketogenic Diet กลับบอกว่า การกินอาหารที่ไขมันสูง - คาร์โบไฮเดรตต่ำ ก็ทำให้น้ำหนักลดได้เช่นกัน แต่ใครที่หลงรักเบคอน หมูสามชั้น ก็อย่าเพิ่งไชโยโห่ร้องล่ะ เพราะหลักการ Keto Diet เองก็ยังมีข้อโต้แย้งทางการแพทย์ค่อนข้างมาก แถมอาจไม่ได้เหมาะกับทุกคนด้วย


ทำความรู้จักกับ Keto Diet


Keto diet หรือ Ketogenic diet เป็นรูปแบบการกินอาหารที่ลดปริมาณแป้งและน้ำตาลให้เหลือน้อยที่สุด โดยอาศัยหลักการที่ว่า ร่างกายจะใช้คาร์โบไฮเดรตเป็นแหล่งพลังงานหลัก และสะสมส่วนที่เหลือไว้ในรูปไกลโคเจน หรือเปลี่ยนเป็นไขมัน แต่หากเรารับประทานคาร์โบไฮเดรตน้อยมาก ร่างกายก็จะเปลี่ยนมาสลายไขมันเป็นพลังงานแทน และสร้างสารที่มีชื่อว่า “คีโตนบอดี้ (Ketone body)” ขึ้นมา ซึ่งเซลล์สมองสามารถใช้แทนกลูโคสได้ เมื่อกินแบบ Keto diet ติดต่อกัน 3 – 4 วัน ร่างกายจะเริ่มปรับมาใช้คีโตนบอดี้เป็นแหล่งพลังงานหลัก และกระตุ้นให้เกิดการสลายไขมันมากขึ้น ซึ่งเรียกสภาวะนี้ว่า คีโตซิส (Ketosis)


กินอย่างไรถึงจะเรียกว่าเป็น Keto Diet

หลักการกินแบบ Keto diet คือการจำกัดปริมาณอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรต ไขมัน และโปรตีน ให้ได้สัดส่วนตามกำหนด ดังนี้

  • กินคาร์โบไฮเดรตน้อยๆ หรือประมาณ 25 - 50 กรัมต่อวันเท่านั้น (เท่ากับข้าวสวย 2 - 3 ทัพพี) หรืออาจงดอาหารจำพวกข้าว แป้ง ผลไม้ ขนม เครื่องดื่มที่มีน้ำตาลทั้งหมด และกินเฉพาะผักใบเขียวที่มีแป้งเพียงเล็กน้อย

  • กินไขมันมากๆ หรือประมาณ 100 – 125 กรัมต่อวัน เพื่อให้ร่างกายใช้ไขมันเป็นแหล่งพลังงานหลัก ซึ่งไขมันดีที่ควรรับประทาน ได้แก่ เนื้อสัตว์ติดมัน เนื้อปลา เนย ชีส ไข่ และน้ำมันมะกอก แต่ควรหลีกเลี่ยงไขมันทรานส์ (Trans fat)

  • กินโปรตีนให้เพียงพอ หรือปริมาณ 1 กรัม ต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม เพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อ และใช้เป็นแหล่งพลังงานรองจากไขมัน อาหารจำพวกโปรตีนที่ควรกิน ได้แก่ เนื้อสัตว์ นม ไข่ และอาหารทะเล

ข้อดีของ Keto Diet

  • ช่วยลดไขมันและลดความอ้วน

การกินคาร์โบไฮเดรตน้อยๆ ทำให้ร่างกายสลายไขมันมาใช้มากขึ้น ส่งผลให้ไขมันที่สะสมไว้ลดลง และช่วยให้รูปร่างผอมลงได้นั่นเอง นอกจากนี้ การกินไขมันดีมากๆ ก็ช่วยเพิ่มคอเลสเตอรอลชนิด HDL ที่เป็นประโยชน์ และลดคอเลสเตอรอล LDL ที่เป็นโทษต่อร่างกายได้ด้วย

  • ช่วยป้องกันโรคร้าย

นักวิจัยบางกลุ่มเชื่อว่า Keto diet อาจช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคเรื้อรังที่เกี่ยวข้องกับระบบเผาผลาญได้ เช่น โรคอ้วน โรคความดันโลหิตสูง และโรคหัวใจ เป็นต้น

  • ช่วยกระตุ้นการทำงานของสมอง

คีโตนบอดี้ที่ร่างกายสร้างขึ้นในสภาวะคีโตซิส ถือเป็นแหล่งพลังงานชั้นเลิศของเซลล์สมอง ส่งผลให้สมองภายใต้สภาวะดังกล่าวสามารถทำงานได้ดีกว่าปกติ และช่วยให้การเรียนรู้ สมาธิ และความจำดีขึ้น


Keto Diet ดีจริงหรือ?


แม้ในทางทฤษฎีและจากงานวิจัยหลายชิ้นจะพบว่า Keto diet มีข้อดีมากมาย แต่ก็มีงานวิจัยอีกจำนวนไม่น้อยที่ให้ผลขัดแย้ง และยังระบุว่าการกินแบบ Keto Diet อาจมาพร้อมกับความเสี่ยงบางอย่างด้วย เช่น

  • ในผู้ป่วยโรคอ้วนและโรคเบาหวาน อาหารแบบ Keto Diet ไม่ได้ช่วยให้ระดับคอเลสเตอรอลชนิด LDL ลดลงแต่อย่างใด

  • การกินอาหารเพื่อสุขภาพที่มีปริมาณคาร์โบไฮเดรตปกติ ก็สามารถช่วยลดน้ำหนักได้ไม่ต่างจากการกินแบบ Keto diet

  • การกินแบบ Keto diet เป็นประจำ อาจทำให้เสียโอกาสในการกินอาหารที่มีไฟเบอร์สูงและมีคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายไปด้วย เช่น ธัญพืช ผลไม้ และพืชหัว เป็นต้น

นอกจากนี้ การกินแบบ Keto diet ยังอาจทำให้รู้สึกอ่อนเพลีย วิงเวียน ปวดศีรษะ หน้ามืด และความดันโลหิตต่ำ ซึ่งอาการอาจดีขึ้นเองภายใน 1 – 2 สัปดาห์ แต่บางคนก็อาจมีอาการรุนแรงและยาวนานกว่านั้น


Keto Diet อาจไม่ได้เหมาะกับทุกคน!


คนที่ควรหลีกเลี่ยงการกินแบบ Keto diet ได้แก่

  • ผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 1 ซึ่งเสี่ยงต่อการเกิดภาวะ Ketoacidosis

  • ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตต่ำ

  • ผู้ป่วยโรคเรื้อรังที่ต้องควบคุมอาหารตามคำสั่งแพทย์

  • นักกีฬา และผู้ใช้แรงงาน

นอกจากนี้ ในคนทั่วไป การกินแบบ Keto diet ก็อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพได้เช่นกัน ใครที่กำลังชั่งใจว่าจะลองดีหรือไม่ จึงควรปรึกษาแพทย์ให้แน่ใจก่อนจะดีที่สุด


 
 
 

ความคิดเห็น


© 2020 Dimo Co.,Ltd

bottom of page